จะเข้ามหาวิทยาลัยเตรียมตัวอย่างไร?

จะเข้ามหาวิทยาลัยเตรียมตัวอย่างไร?

ช่วงนี้น้องๆหลายคนคงกำลังอยู่ในช่วงเตรียมตัวสำหรับการเปิดเทอมของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะน้องใหม่ อย่างน้องเฟรชชี่ปี 1 ที่ยังไม่เคยเจอกับสังคมมหาวิทยาลัยมาก่อน อาจจะเป็นกังวลและตื่นเต้นได้ว่าสังคมมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกับสังคมมัธยมอย่างไร วันนี้เราจะมาแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการก้าวเข้าไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย

1.ศึกษาข้อมูลสภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัย

การที่เราจะไปศึกษายังสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เราอาจจะต้องเตรียมตัวในการหาข้อมูลสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยว่าเป็นอย่างไร เช่น ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยแถวภาคเหนือ เราอาจจะต้องเตรียมตัวสำหรับอากาศหนาว เป็นต้น และดูสภาพแวดล้อมในเรื่องต่างๆ การขนส่งบริเวณนั้นมีบริการอะไรบ้าง หากเป็นมหาวิทยาลัยชนบทอาจจะไม่มีบริการขนส่งที่เท่าในเมืองจึงต้องทำให้นำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ส่วนตัวไปไว้ใช้ขับขี่เผื่อเวลาไปไหนมาไหนและเวลาเจ็บป่วยฉุกเฉิน

2.ศึกษาข้อมูลประเพณี วัฒนธรรมในมหาวิทยาลัย

บางมหาวิทยาลัยการมีวัฒนธรรมรับน้องในรูปแบบโซตัส เราอาจจะต้องเตรียมตัวและรับมือกับการรับน้องแบบนี้ เพราะ
มีทั้งคนที่ยอมรับและไม่ยอมรับกับวัฒนธรรมบางอย่างของมหาวิทยาลัย ซึ่งบางมหาวิทยาลัย บางคณะ บางสาขาก็มีคะแนนการรับน้องด้วย ดังนั้นเราจึงศึกษาก่อนเพื่อจะหาแนวทางไว้ให้แก่ตัวเองได้ว่าควรรับมือเช่นไร รวมถึงประเพณี และวัฒนธรรม กิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัย

3.ศึกษากฎ/ระเบียบของมหาวิทยาลัย

แม้มหาวิทยาลัยจะแตกต่างจากโรงเรียนมัธยม เพราะมหาวิทยาลัยจะให้อิสระแก่นิสิต นักศึกษามากกว่า จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนก็ได้ จะย้อมสีผมก็ได้ จะใส่ชุดไปรเวทไปเรียนก็ได้ จะแต่งกายอย่างไรก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามบางมหาวิทยาลัยอาจมีข้อกำหนด กฎ ระเบียบของมหาวิทยาลัยในเรื่องการแต่งกายได้ ในเรื่องการเข้าเรียน หรือคณะ/สาขา หรืออาจารย์มหาวิทยาลัยบางท่านอาจจะกำหนดเรื่องการเข้าเรียน การเช็คชื่อเพื่อเก็บคะแนนได้ ซึ่งก็เป็นรายละเอียดที่คณะ/สาขา และอาจารย์จะแจ้งเราอีกที

4.ศึกษาเค้าโครงหลักสูตร

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้และไม่เคยให้ความสำคัญมาก่อนด้วยซ้ำ แต่การศึกษาเค้าโครงหลักสูตรนั้นเป็นประโยชน์แก่การเรียนมาก เพราะจะทำให้เราวางแผนการเรียนของตัวเองได้ แม้บางมหาวิทยาลัยจะมีคณะ สาขาเหมือนกัน แต่โครงสร้างหลักสูตรการเรียนก็อาจจะมีความแตกต่างกัน บางมหาวิทยาลัยอาจเอาวิชายากบางตัวมาเรียนตั้งแต่ปีหนึ่ง ในขณะที่บางมหาวิทยาลัยอาจให้เรียนแต่วิชาง่ายๆ วิชาพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้เองเราจึงควรศึกษาโครงสร้างหลักสูตรจะได้วางแผนการเรียนได้ทัน หากต้องเจอวิชายากๆก็จะได้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ 

5.เข้าร่วมกลุ่มเฟส กลุ่มไลน์เฟรชชี่มหาวิทยาลัยหรือคณะ

สมัยนี้เทคโนโลยีมีบทบาทในทุกสังคม รวมถึงสังคมมหาวิทยาลัยด้วย ถึงแม้จะยังไม่มีการเปิดเทอมให้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยได้ แต่เราก็สามารถรู้จักเพื่อนและรุ่นพี่จากในกลุ่มต่างๆของมหาวิทยาลัย ของคณะหรือสาขาได้ หากเขามีการตั้งกลุ่มเราจึงควรเข้าร่วมกลุ่ม นอกจากจะได้เพื่อนเพิ่มก่อนไปมหาวิทยาลัยแล้ว ยังจะได้รู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยด้วย

 

สนับสนุนโดย  สูตร ยี่กีเข้าทุกรอบ

ทำอย่างไรให้ห่างไกลจากการตีตราตนเอง

ทำอย่างไรให้ห่างไกลจากการตีตราตนเอง

การตีตราตนเองหรือ self stigma คือการที่เรามีความคิดหรือทัศนคติในทางลบกับตนเอง ไม่ให้การยอมรับการตนเอง ตำหนิตัวเอง รวมถึงการไม่ให้อภัยในความผิดพลาดของตนเอง โดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. การตีตราตนเองเกี่ยวกับลักษณะหรือร่างกายของตัวเอง เช่น ความพิการ รอยแผล รูปร่าง เป็นต้น ในกรณีแบบนี้เรามักจะเกิดความไม่พอใจในลักษณะทางกายภาพของตัวเอง รู้สึกด้อยค่า 
  2. การตีตราตนเองโดยการกล่าวโทษ ตำหนิ ไม่ให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเอง เช่น เคยเป็นผู้ใช้สารเสพติด เคยต้องโทษติดคุก เป็นต้น ในกรณีแบบนี้เรามักจะมีความคิดโทษตัวเองอยู่บ่อยๆ รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปไม่น่าอภัย โกรธและเกลียดตัวเอง ตำหนิตัวเอง ในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นทำให้มีความคิดอยากฆ่าตัวตายได้
  3. การตีตราตนเองเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา รสนิยมทางเพศของตัวเอง เช่น เป็นชนกลุ่มน้อย เป็นชาวเขา เป็นเกย์ เป็นเลสเบี้ยน เป็นต้น ในกรณีแบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองได้ รู้สึกต่อตนเองว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม

ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นกรณีใหญ่ที่พบเจอได้ในปัจจุบัน ซึ่งคนที่มีความคิดเกี่ยวกับตัวเองแบบนี้ไม่ว่ากรณีใดกรณีหนึ่งก็เกิดเป็นตีตราตนเองได้แล้ว ดังนั้นเมื่อเราเริ่มรู้ตัวว่าเรามีความคิดลบกับตัวเอง เราจะต้องหาทางขจัดความคิดเรานั้นออกไปเพื่อลดการตีตราตนเอง และวิธีที่เราจะมานำเสนอก็มีดังต่อไปนี้

  1. หาข้อดีของตนเอง การหาข้อดีของตนเองจะทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีจุดดี ในชีวิตเราไม่ได้มีเพียงแค่จุดด้อย เช่น เรามีข้อดีคือการที่เราขยัน ทำอาหารเก่ง อะไรแบบนี้ก็ถือได้ว่าเป็นข้อดีที่เราพอจะเอามาให้กำลังใจตัวเองและทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้น เพราะถ้าเรามัวแต่ไปมองข้อเสีย จะยิ่งทำให้เราโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาได้
  2. รู้จักให้อภัยตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าเราทำอะไรผิดพลาด ต้องมองความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่ใครก็สามารถทำผิดพลาดได้ ทุกๆคนมีโอกาสและสามารถทำผิดพลาดได้อยู่เสมอ ไม่ว่าใครก็ต้องเคยมีคำตอบที่ผิด ถ้าเราไม่เคยลองผิดเราก็จะไม่เคยลองถูก
  3. รู้จักให้โอกาสตัวเอง แม้เราจะเคยทำผิดพลาดไปแล้ว เราก็ต้องรู้จักให้โอกาสตัวเองได้อีก ในเมื่อเรารู้แล้วว่าทางที่ผ่านมามนผิด เราก็ต้องให้โอกาสตัวเองได้เลือกทางใหม่ ถ้าเรามัวแต่จมกับความผิดพลาดเราจะไม่มีโอกาสเห็นความสำเร็จของตัวเองได้เลย 

จริงๆแล้วในสังคมปัจจุบันของเรานั้นมีการตีตราผู้อื่นอยู่มาก แต่ว่ากันว่าการตีตราที่แก้ยากที่สุดไม่ใช่การตีตราจากสังคม แต่คือการตีตราจากตนเอง ดังนั้นเราต้องมาแก้ไขที่ตัวเราเอง เพราะถ้าเราหลีกเลี่ยงการตีตราตนเองได้ เราก็จะลดการตีตราผู้อื่นได้เช่นกัน มาทำให้สังคมปราศจากการตีตรากัน เริ่มง่ายๆที่ตัวเรา

 

สนับสนุนโดย  เว็บคาสิโนออนไลน์อันดับ1

ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีเหตุการข่มขืนมากที่สุดในโลก

ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีเหตุการข่มขืนมากที่สุดในโลก

       หากใครที่มีการติดตามข่าวสารของต่างประเทศก็จะรู้ข่าวสารข้อมูลว่าประเทศอินเดียนั้นเป็นประเทศที่มีเหตุการก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับเรื่องของการข่มขืนกระทำชำเรามากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเลยทีเดียวโดยประเทศอินเดียนั้นเวลาที่หญิงสาวจะถูกข่มขืนนั้นมักจะมีข่าวออกมาว่าในช่วงเวลากลางวันก็สามารถที่จะถูกข่มขืนได้โดยที่เหลือนั้นส่วนใหญ่จะถูกฆ่าตายหลังจากที่ข่มขืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนที่เป็นข่าวโด่งดังใหญ่โตไปทั่วโลกที่มีนักศึกษาคนหนึ่งเธอถูกข่มขืนบนรถเมล์และไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเธอจนเธอนั้นเสียชีวิตและยังมีเหตุการณ์ข่มขืนต่อมาอีกหลายเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เด็กน้อยอายุเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้นที่เธอถูกข่มขืนหลังจากนั้นเธอก็ถูกฆ่าทิ้งและมีการอำพรางศพด้วยการนำไปทิ้งที่บ่อน้ำตามสถิติข้อมูลของประเทศอินเดียแล้ว

พบว่ามีข้อมูลการแจ้งความดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องของการถูกข่มขืนในปีพศ 2559 อยู่ที่ประมาณ 40,000 ดีแต่หลังจากนั้นในปีต่อๆมาคดีการถูกข่มขืนนั้นกับมีมากขึ้นกว่า 4 หมื่นคดีและเพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกๆปีทั้งนี้ยังไม่รวมที่เจ้าทุกข์บางคนนั้นไม่กล้าที่จะไปแจ้งความดำเนินคดีอีกด้วยดังนั้นเรียกได้ว่าอาชญากรรมการถูกข่มขืนของหญิงสาวในประเทศอินเดียนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากอย่างไรก็ตามมีข่าวล่าสุดออกมาจากประเทศอินเดียเกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวถูกข่มขืนซึ่งสร้างความเศร้าสลดให้กับใครหลายๆคนที่ได้ฟังเรื่องราวกันมากเลยทีเดียว

เนื่องจากว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นอายุของเธอเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้นด้วยในวันเกิดเหตุนั้นเธอช่วยพ่อกับแม่ของเธอทำงานด้วยการนำแพะไปหาอาหารซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักของเธอเพียงแค่ 200 เมตรเท่านั้นแต่คนร้ายกับบุกเข้ามาภายในบ้านของเธอและมาฉุดเธอหวังที่จะไปข่มขืนโดยคนร้ายมีอายุ 22 ปีและอายุ 14 ปีจำนวน 2 คน

ซึ่งเธอได้ขัดขืนอย่างเต็มที่ในที่สุดนั้นคนร้ายก็ไม่สามารถที่จะข่มขืนเธอได้แต่ด้วยความที่คนร้ายนั้นโกรธแค้นในตัวเธอและเกรงว่าเธอจะนำเรื่องราวนี้ไปบอกคนอื่นและนำไปแจ้งความคนร้ายจึงได้ช่วยกันจัดการมัดเธอและนำน้ำมันมาราบที่ตัวเธอพร้อมกับจุดไฟเผาเธอแล้วหนีไปส่วนตัวเธอนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟเผาไหม้ซึ่งกว่าที่พ่อแม่ของเธอจะมาพบเธอนั้นก็ทำให้เธอถูกไฟเผาไปมากกว่า 80% แล้ว

อย่างไรก็ตามระหว่างที่มีการนำตัวเธอส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่นั้นเธอสามารถฟื้นขึ้นมาและบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ให้กับพ่อแม่และเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังได้ว่าใครเป็นผู้ดำเนินการทำร้ายเธอจนเป็นสาเหตุให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แต่ก็น่าเศร้าเสียใจเช่นเดียวกันเพราะหลังจากที่เธอบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เสียชีวิตทันที 

 

สนับสนุนโดย  สมัครใหม่ รับเครดิตฟรี 100

หนึ่งในวิธีทำใจกับการอกหักได้เร็วขึ้น

หนึ่งในวิธีทำใจกับการอกหักได้เร็วขึ้น

หาอะไรทำใหม่ๆ หนึ่งในวิธีทำใจกับการอกหักได้เร็วขึ้น

การอกหักมักจะทำให้คนที่อกหักนั้นหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างแน่นอน อาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งอาการเหล่านั้นแน่นอนว่าจะกลายเป็นคนที่ติดห้องหรือว่าไปในสถานที่ที่ทำให้เราคิดถึงแต่คนนั้นที่เลิกลากันไป เอาจริงๆแล้วมันไม่เป็นผลดีเท่าไหร่หรอก ยิ่งเรากระทำอะไรก็แล้วแต่ที่เคยทำกับคนๆนั้นที่ทำกันเป็นประจำเช่นการทำกับข้าวกันด้วยกัน

หรือการไปกินอาหารร้านที่ชอบด้วยกัน ก็จะยิ่งเป็นการตอกย้ำจิตใจตัวเองให้ยิ่งคิดถึงแล้วก็ฟูมฟายในการเสียคนนั้นไปอย่างไม่เต็มใจ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น มักจะทำให้การทำใจนั้นยากขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำไป จริงๆแล้วเราควรทำอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ๆ ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำกับคนนั้นก็ยิ่งดี

การที่คนอกหักนั้นจะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆนั้น บางครั้งก็เพียงอาศัยแรงใจของคนที่อกหักเองก็อาจจะทำได้ แล้วก็เป็นคนที่น่ายกย่องว่าเป็นคนที่เข้มแข็งด้วย แต่กับบางคนที่ไม่สามารถยืนขึ้นด้วยตัวเองได้นั้นก็ต้องมีคนที่ยื่นมือเขามาดึงเขามาฉุดให้ลุกขึ้นบาง คนนั้นอาจจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัวหรือคนที่เป็นไอดอลก็เป็นได้

แต่ถ้าเกิดเป็นคุณที่อ่านอยู่ก็ต้องเป็นคุณแล้วล่ะที่ต้องยื่นมือไปช่วยคนที่อกหัก การทำอะไรที่ใหม่ๆที่ไม่ผูกติดกับสิ่งเดิมๆที่เคยทำกับอดีตแฟนนั้นมีข้อดีอยู่หลายประการมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่ได้ไปเจอโลกใหม่ๆ หรือได้ทักษะความสามารถใหม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนเป็นการเพิ่มค่าประสบการณ์ของคนๆนั้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ลองคิดดูว่าถ้าเกิดอกหักบ่อยๆ คงมีทักษะความสามารถหรือสถานที่ที่ไม่เคยไปเพิ่มพูนอย่างมากมายเลยล่ะ แต่ว่าข้อดีที่สุดของการทำสิ่งนี้ก็คงหนีไม่พ้นกับการที่คนอกหักจะได้เลิกเอาสมองไปคิดถึงแต่อดีตแฟนยังละ นั้นคือประเด็นหลักที่เราอยากให้เกิดขึ้น

 

 

สนับสนุนโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลองเล่น

แบมแบมเปิดประสบการณ์โลก จากเอไอเอส

แบมแบมเปิดประสบการณ์โลก จากเอไอเอส

ลองมาทำความรู้จักกับแบม แบม ว่าเขามาจากไหน มาอย่างไร แล้วทำไมถึงได้ดังและคนหลงรัก จนได้เป็นพรีเซนเตอน์เอไอเอส

แบมแบม มีชื่อจริง คือ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ปัจจุบันได้เป็นสมาชิกวง Got 7 ทำหน้าที่เป้นแรปเปอร์ และเต้นแรง เป็นลูกคนที่3 ซึ่งมีพี่น้องอยู่4คน มีพี่ชาย2คน ซึ่งก็หน้าตาดีไม่แพ้กัน ปิดท้ายด้วยน้องสาวอีก1คน  เกิดที่กรุงเทพ บ้านอยู่แถวเขตสายไหม หลังจากจการศึกษาในระดับประถม จนถึงม.2 ก็ได้ย้ายไปอยู่เกาหลี

เพราะเริ่มฉายแววความดังโดยการเป็นโคเวอร์แต่เด็ก และได้เข้าประกวด รายการ Rain Cover dance in Thailand ในช่วงเวลาที่เขาอายุ10ปีเท่านั้น และได้เข้ารับการฝึกในค่ายJYPเป็นระยะเวลา3ปีครึ่ง ก่อนที่จะได้เปิดตัวสมาชิกก๊อตเซเว่น และได้เป็นคนไทยคนที่2 ในค่ายใหญ่ยักษ์ โดยมีนิชคุณเป็นรุ่นพี่

และเขาก็ไม่ได้เป็นแค่ไอดอลเคป๊อบ แต่เขาก็ยังเป็นคอไอทีตัวจริง เพราะเขาได้ชวนเหล่าอากาเซไปอัพเดตเทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคตเปิดประสบการณ์โลก5G ในมิติต่างๆที่งาน เอไอเส ที่1 ตัวจริง ทดสอบแล้วทั่วไทย แถมยังอาสาเป็นตัวแทนวัยรุ่นยุคดิจิทอลสาธิตทดลองใช้งานเทคโนโลยีวัตกรรม5Gสุดล้ำจากเอไอเอส ที่ทดสอบมาแล้วทั่วไทย

พร้อมกับคัมแบคสเตจด้วยการแสดงโชว์สุดพิเศษเพื่อมาเซอร์ไพร์สแฟนด้อมแบบจัดเต็มและได้เนรมิตพื้นที่ที่จัดงานให้กลายเป็นพื้นที่แห่งโลกอนาคตด้วยหลากหลายเทคโนโลยีนวัตกรรม5G สุดไฮเทคจากเอไอเอส ที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจที่ได้ร่วมสัมผัสความเจ๋งของนวัตกรรม5Gประเดิมความว้าวด้วย5G Hologram3มิติได้แบบ360องศา

มีความเสมือนจริงและเรียลไทม์สุดๆก่อนที่จะตื่นเต้นซ้ำปอีกที่ได้ลองบังคับรถยนต์แบบไร้คนผ่านสัญญาณ 5G ละสนุกสนานกับการลองช๊อปปิ้งผลไม้ด้วยหุ่นยนต์และชมการสาธิตบังคับโดรนในระยะไกล กรุงเทพ-โคราช แถมยังได้เซอร์ไพร์สสุดๆได้วีดีโอคอล เซย์ฮัลโหลกับครอบครัวAIS ครบทุกภูมิภาคเลยทีเดียว

 

 

สนับสนุนโดย  hiallbet

Soceity ZEN MIND ท่วงท่า 3

Soceity ZEN MIND ท่วงท่า 3

ตอนยืนนั้น ส้นเท้าของเธอจะต้องแยกจากกันในระยะเท่ากับกำปั้น นิ้วโป้งอยู่แนวเดียวกับหน้าอก เช่นเดียวกับการนั่งซาเซน ให้น้ำหนักบางส่วนตกลงที่ท้อง มือก็ต้องแสดงออกซึ่งความเป็นตัวเธอเช่นกัน โดยยกมือซ้อยวางบนหน้าอก กำนิ้วโป้งไว้แล้ววางมือขวาลงบนมือซ้าย ให้นิ้วโป้งชี้ลง ต้นแขนขนานกับพื้น ให้รู้สึกเหมือนกับว่ากอดเสากลมอยู่ เสากลมต้นใหญ่แบบในวัด เพื่อตัวของเธอจะได้ไม่งอไปข้างหน้า หรือเอนไปด้านข้าง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ถ้าเธองอตัวลงเธอจะสูญเสียตัวเอง จิตของเธอจะล่องลอยไปที่อื่น ไม่ได้อยู่ในตัวเธอ นี่ไม่ใช่วิธีของเซน เธอจะต้องอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด กายและจิตจะต้องเป็นของเธอ เมื่อทุกอย่างอยู่ในที่ที่ควรอยู่และด้วยวิธีที่ถูกต้อง ปัญหาก็จะไม่มี ถ้าไมโครโฟนที่ฉันใช้อยู่ขณะที่พูดไปอยู่เสียที่อื่น มันก็จะไม่ได้รับใช้จุดประสงค์ของมัน เมื่อกายและจิตของเราอยู่ในสภาพที่ถูกต้อง ทุกอย่างก็จะอยู่ในที่ที่ถูกต้อง ในทางที่ถูกต้องด้วย

แต่ปกติแล้ว โดยที่ไม่รู้ตัว เรามักจะพยายามเปลี่ยนปแลงบางสิ่งบางอย่างแทนที่จะเปลี่ยนตัวเอง รักจะพยายามจัดการกับสิ่งที่อยู่นอกตัวเรา แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปจัดการสิ่งอื่นๆในขณะที่ตัวเรายังไม่เรียบร้อยดี เมื่อเธอทำสิ่งต่างๆอย่างถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในระเบียบ เธอคือเจ้านาย เมื่อเจ้านายนอนหลับ ทุกคนก็จะนอน เมื่อเจ้านายทำสิ่งที่ถูกต้อง ทุกคนก็จะทำทุกสิ่งอย่างอย่างถูกต้อง และในเวลาที่เหมาะสม นี่คือเคล็ดลับของพุทธศาสนา

เพราะฉะนั้นจงพยายามอยู่ในท่าที่ถูกต้องเสมอ ไม่ใช่เฉพาะตอนที่ปฏิบัติซาเซนเท่านั้น แต่ในกิจกรรมทุกอย่างที่เธอทำด้วย จงอยู่ในท่าที่ถูกต้องเมื่อขับรถ และเมื่ออ่านหนังสือ ถ้าเธอนั่งทิ้งตัวตามสบายขณะอ่านหนังสือ ในไม่ช้าเธอก็จะหลับ ลองดูสิ แล้วเธอจะพบว่าการอยู่ในท่าที่ถูกต้องสำคัญแค่ไหน นี่คือการสอนที่แท้จริง คำสอนที่เขียนอยู่บนกระดาษไม่ใช่การสอนที่แท้จริง คำสอนที่เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเหมือนอาหารชนิดหนึ่งสำหรับสมอง แน่ละมันเป็นสิ่งจำเป็นที่สมองจะต้องได้รับอาหารบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการเป็นตัวของตัวเอง

 

สนับสนุนโดย  sa casino ฟรี300

ต้นกำเนิดของขยะภายในบ้านทำให้ส่งแวดล้อมไม่ดี

ต้นกำเนิดของขยะภายในบ้านทำให้ส่งแวดล้อมไม่ดี

“ขยะ” คือ ข้าวของเหลือกินเหลือใช้จากชีวิตประจำวันที่รอคอยการกำจัด นับคือปัญหาใหญ่ที่เมืองไทยและก็ทั่วทั้งโลกพบเจอกันมานาน และก็กําลังเป็นวิกฤตในเวลานี้ ทั้งยังจำนวนที่เยอะขึ้นเรื่อยๆในทุกปี การทิ้งและก็แยกขยะที่ผิดจำต้องจนถึงไม่สามารถที่จะนําขยะกลับมาใช้ประโยชน์ซ้ำได้ซักเท่าไหร่ และก็ทำให้การกำจัดขยะอย่างแม่นยำกำเนิดความสามารถลดน้อยลงตามไปด้วย

 ก่อเรื่องต่อสภาพแวดล้อม ก่อให้เกิดผลเสียต่อคนและก็สัตว์ คนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะรับทราบถึงปัญหาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่ว่าบางทีอาจจะเห็นว่าเกิดเรื่องไกลตัว ควบคุมยาก รวมทั้งจัดแจงตรากตรำ ถึงแม้ว่าข้อเท็จจริงแล้ว ขยะเกิดเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งกว่าที่คิด และก็การคัดขยะจากครอบครัวก็นับว่าเป็นจุดเริ่มแรกที่จะช่วยลดจำนวนขยะ และก็ขยะจะไม่เปลี่ยนเป็นขยะที่ไม่มีค่าถ้าเกิดพวกเราจัดแจงอย่างถูกทาง แล้วก็นำกลับไปใช้ประโยชน์ต่อได้

แล้วการคัดขยะหรือจัดแจงขยะให้ถูกแนวทางทำเช่นไร ? วันนี้พวกเราจะพาไปดูพร้อมเพียงกันว่าขยะต่างๆที่เกิดขึ้น แอบซุกซ่อนอยู่ที่ไหนของบ้านบ้าง แล้วจะทำยังไงดีเพื่อทำให้ขยะหรือข้าวของพวกนั้นมีค่าอีกที และไม่กลับไปก่อปัญหาให้กับสภาพแวดล้อม เรามาดูกันว่าขยะภายในบ้านที่พูดถึงนั้น มาจากที่ไหนกันบ้าง

  1. ในห้องพระ ใช่ว่าในห้องพระจะไม่มีขยะเลยเพราะไม่ว่าจะเป็นก้านธูป น้ำตาเทียน หรือพวกดอกไม้สำหรับที่เรานำมาไหว้พระทุกวันสิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นขยะที่มาจากห้องพระแทบทั้งสิ้น รวมถึง อาหารที่เรานำมาถวายพระอยู่ทุกเช้าก็รวมเป็นขยะที่ต้องนำไปทิ้งได้เหมือนกัน
  2. ในห้องนอน สำหรับห้องนอนของเรานั้นมีขยะเกิดขึ้นมากกมายไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา ผ้าปูที่นอนเก่า  หนังสือที่เลิกอ่านแล้ว พวกครีมบำรุงผิวทีใช้หมดแล้ว แป้งตลับที่ใช้หมดแล้ว สิ่งของต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ต้องนำมาทิ้งเมื่อไม่ได้ใช้งานถือว่าเป็นขยะที่มาจากห้องนอนนั่นเอง
  3. ห้องรับแขก สำหรับบริเวณห้องรับแขกก็มีขยะที่เราสามารถนำมาทิ้งได้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หนังสือนิตยสาร  กล่อง แก้วน้ำ ขวดเครื่องดื่ม กรอบรูป โซฟา หลอดไฟ เครื่องเสียง หรือแม้แต่พัดลมและแอร์ สิ่งของเหล่านี้หากมีการใช้งานจนเสื่อมโทรมตามสภาพจนใช้งานไมได้แล้วเราก็ต้องนำมาเป็นขยะและนำไปทิ้ง

จะเห็นได้ว่าทุกห้องภายในบ้านล้วนมีขยะที่เราต้องนำมาทิ้งเสมอ ซึ่งจะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมของเรามากเพราะการทำลายสิ่งของเหล่านี้ก็คือการต้องเผาซึ่งจะก่อให้เกิดมลพิษในอากาศตามมารวมถึงหากมีของที่แตกหักอยู่ภายในบ้านจะไม่เป็นผลดีต่อฮวงจุ้ยที่ดีของบ้าน

 

สนับสนุนโดย  ทดลองเล่นบาคาร่า

ขีดเส้นตายให้รัฐบาล18.00นาฬิกาวันนี้20ตุลา

ขีดเส้นตายให้รัฐบาล18.00นาฬิกาวันนี้20ตุลา

สำหรับการชุมนุมและแนวร่วมธรรมศาสตร์ได้บอกว่าหลาบท่านอาจจะเหนื่อยล้าจากช่วงระยะเวลาตลอด6วันที่ผ่านมาขอบคุณทุกท่านจากใจจริงที่ให้การสนับสนุนเสมอ

สำหรับคืนนี้และวันพรุ่งนี้ของให้ทุกท่านพักผ่อนกันให้เต็มที่เก็บแรงกายแรงใจเตรียมตัวไว้ให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์หากครบ24ชั่วโมง (20ตุลาคม18.00น.)แล้วรัฐบาลไม่ยอมทำตามข้อเสนอที่ทางเราได้เรียกร้องทางเราขอประกาศว่าเรามี”บิ๊กเซอร์ไพรส์รออยู่” ขอให้รัฐบาลฟังเสียงของประชาชนให้มากๆไม่อย่างนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินคุณเองการต่อสู้ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้แล้วพบกันเราคือราษฎร

เนื่องจากตอนเย็นของวันที่19ตุลาที่แยกเกษตรที่มีภาพที่สวยสดงดงามวันนี้ทุกคนจะต้องจับต้องจับตามองว่า18.00นาฬิกาวันที่20ตุลาคมรัฐบาลจะให้คำตอบต่อเรื่องราวนี้อย่างไรวันนี้ไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพรือกลุ่มแกนนำเยาวชนปลดแอกหรือแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเท่านั้น

ซึ่งทั้งสองกลุ่มนั้นได้เป็นเพียงสมาชิกหนึ่งของราษฎรพวกเราทุกคนคือแกนนำพวกเราทุกคนคือราษฎรพวกเราทุกคนสามารถนัดหมายการชุมนุมได้ด้วยตัวของเราเองวันนี้ที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและไม่มีใครหยุดยั้งได้จนกว่ายอมรับข้อเรียกร้องและข้อเสนอของเรา

เมื่อรัฐบาลกดขี่กดดันพวกเราประชาชนไม่มีอะไรนอกจากสองมือและสองเท้าและสองเท้านั้นที่จะต้องก้าวเดินสองมือที่จะต้องชูขึ้นเรียกร้องสิ่งที่พวกเราต้องการเท่านั้นเองและทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ18นาฬิกาของวันที่20ตุลาคมนี้คือเป็นจุดสุดท้ายของเส้นตายของรัฐบาลว่าจะออกมาขี้แจงและจะยอมแก้ไขหรือไม่

นอกจานกี้ทั้งหมดนี้ยังคงจะต้องรอคำตอบจากรัฐบาลที่จะต้องยอมรับได้ข้อเรียกร้องไปทั้งหมดนี้สามข้อหากไม่ยอมรัฐบาลจะต้องเจอเซอร์ไพรส์ของกลุ่มราษฎรอย่างแน่นอนทั้งนี้ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับความคิดเห็นต่างๆ

ดังนั้นราษฎรก็ขอย้ำในจจุดยืนสามข้อที่ได้เรียกร้องไปคือ หนึ่งให้นายประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทั้งหมดสองเปิดสภาเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของประชาชนข้อสามจะต้องมทีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์โดยด่วนและขอให้ปล่อยตัวและต้องไม่ดำเนินคดีใดๆกับผู้ที่ถูกจับกุมอีกและต้องยกเลิก พรก.ฉุกเฉินภายใน24ชั่วโมง

เมื่อทั้งหมดนี้คือประชาธิปไตยในช่วงแห่งเวลาสถาปนาประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ทางการเมืองในยุคใหม่ของคนไทยทั้งประเทศที่มีหัวใจรักในประชาธิปไตยของทุกๆคนเพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในภายใต้ระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงอย่างที่ได้เคยเป็นมา

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สูตรหวยยี่กี

การค้บพบแหล่งน้ำ3แห่งบนดาวอังคาร

การค้บพบแหล่งน้ำ3แห่งบนดาวอังคาร

สำหรับดาวอังคารนั้นเป็นดาวที่นักวิทยาศาสตร์เขาก็ได้คาดการณ์กันว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สุดที่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคารก็ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยมาหลายต่อหลายสิบปีแล้วก็ล่าสุดก็มีกระแสข่าวที่มีข้อมูลที่บอกเลยว่าน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นบนดาวอังคารอีกแล้ว

เนื่องจากว่าได้มีการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ว่าบนดาวอังคารอาจจะมีทะเลสาบน้ำเค็มมากถึงสามจุดด้วยกันแต่ก็ต้องอธิบายก่อนว่าในเวลานี้ไม่ได้มีการยืนยันว่าพบแหล่งน้ำบนดาวอังคารเพียงแค่การค้นพบว่าอาจจะมีทะเลสาบน้ำเค็มซ่อนอยู่ใต้ขั้วพื้นผิวของดาวอังคาร

ซึ่งอย่างน้อยก็ยังได้มีสัญญาณบอกว่ามันอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคารจริงหรือเปล่าหลังจากนี้ก็ต้องรอหลักฐานกลับมาจากนักวิทยาศาสตร์อีกสองลำที่ถูกส่งออกไปแล้วก่อนหน้านี้ก็คือยานอวกาศของจีนกับของนาซ่าและจะส่งหลักฐานกับมาว่าบนดาวอังคารจะมีหลักฐานที่บ่งบอกว่ามันเคยมีสิ่งมีชีวิตด้วยหรือไม่

ดังนั้นในวันที่6กับ14ตุลาคมนี้จะมีปรากฏการณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับดาวอังคารเหมือนกันก็คือเป็นช่วงที่ดาวอังคารได้โคจรเอามาใกล็โลกมาที่สุด

นอกจากนี้เราก็จะมีโอกาศที่จะได้เห็นดาวอังคารเป็นสีส้มแดงถ้าหากว่าช่วงเวลานั้นฟ้าเปิดไม่มีฝนตกจนถึงเช้าเลยทีเดียวก็คือว่าเราสามารถที่จะมองด้วยตาเปล่าเห็นได้เลยเดี๋ยวเราจะมารอติดตามชมกันทั้ง6ตุลาคมกับ14ตุลาคมได้เวียนมาบรรจบให้ได้ดูกันอีกรอบหนึ่ง

เนื่องจากนี้ก็ได้มีการค้นพบครั้งสำคัญบนดาวอังคารครั้งล่าสุดกันก่อนเพราะว่ามันมีผลการค้นพบล่าสุดที่เขาได้ระบุชี้ชัดออกมาแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่บนดาวอังคารอาจจะมีทะเลสาบอย่างน้อยๆสามแห่งด้วยกันอยู่บนดาวอังคารหรืออาจจะมีแห่งที่สี่ด้วยซ้ำไปแต่ว่าตอนนี้มันอาจจะเป็นทะเลสาบที่มันอาจจะซ่อนตัวอยู่ใต้ขั้วพื้นผิวของดาวอังคาร

เมื่อในสมัยก่อนเป็นพันล้านปีมาแล้วก็ได้มีความเชื่อกันว่าบนดาวอังคารมีทั้งแม่น้ำมีทั้งทะเลสาบด้วยที่เป็นทะเลสาบที่มีปริมาณน้ำจำนวนมากมายแต่ว่าพอมาถึงจุดหนึ่งแล้วน้ำบนดาวอังคารมันก็แห้งไปของเหลวบนพื้นผิวก็หายไปหมดเลย

โดยผลการทดสอบในครั้งนี้ของสถาบัน ฟิสิกส์อวกาศแห่งชาติอิตาลีได้ออกมาเปิดเผยล่าสุดสำหรับการค้นพบร่องรอยทะเลสาบสามแห่งด้วยกันก็บอกว่ามันมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่ามันอาจจะมีแห่งที่สี่เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยเหมือนกันที่นี่ก็ได้มีการคาดการณ์กันว่าน้ำที่มันอยู่ในทะเลสาบที่พบบนดาวอังคารมันอาจจะมีเรื่องของความเค็มที่สูงมากเค็มมากเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งในการที่จะอยู่รอดได้ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sexybaccarat

ยืนยันไม่ลาออก ถามย้อนว่าทำผิดอะไร

ยืนยันไม่ลาออก ถามย้อนว่าทำผิดอะไร

สถานการณ์การเมืองวันนี้นายประยุทธ์ยังไม่ลาออกอีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า ( ผมทำผิดอะไร หรือ นายประยุทธ์เครียดไม่ค่อยมีเสียง ) หลังจากฮ่องกงโมเดล ลั่นจะไม่ขอลาออก “ ผมทำผิดอะไรหรือ “ ไปต่อไม่ถูกแล้วประยุทธ์หลังประสบพบเจอฮ่องกงโมเดล

ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลได้สืบทอดอำนาจ คสช. ได้ใช้แฮกแท็กขบวนเสด็จพาขบวนเสด็จเข้าไปผ่าม็อบว่าเป็นข้ออ้างในการสลายม็อบที่หน้าทำเนียบว่าขัดขวางการเสด็จพระราชดำเนินแต่ก็ต้องแฮ้วเพราะประชาชนไม่กลัวถึงแม้จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงแต่คนกลับไม่กลัว

นอกจากนี้ยังเข้ามารวมตัวกันออกมาชุมนุมกันที่หน้าราชประสงค์ที่เป็นม็อบใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แต่ถึงอย่างไรก็ตาม “นายประยุทธ์เองลั่นว่ายังไงก็จะไม่ลาออก”อีกทั้งยังเพ้ออีกว่า “ผมทำอะไรผิดเหรอ” ทั้งยังโทษสื่อไม่ออกข่าวไม่เสนอผลงานของรัฐบาล

เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องราวของวันนี้เราจะมาดูกันว่างานนี้จะไปยังไงกันต่อ “ เมื่อนายประยุทธ์”ไม่ยอมลาออกเจอม็อบด่าไล่ยังไงว่าไอเหี้ยตู่คงจะนอนไม่หลับคิดหนักทั้งคืนถึงได้ไม่ค่อนมีเสียงแบบนี้เรามาดูกันเลยว่าทั้งสื่อและภาพจะเป็นยังไงและมีสื่อมากมายได้นำเสนอเป็นสองโพสมีดังนี้

นายกได้สงสัยว่าผมผิดอะไรหรือเมื่อเวลา11.00นาฬิของวันนี้วันที่16ตุลาคม นายประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังประชุม ครม. คณะเล็กที่ธรรมเนียบรัฐบาลโดยนายกได้ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการพูดถึงการชุมนุมคณะราษฎร

ซึ่งเขาได้มองว่าทำให้การทำงานของรัฐบาลสดุลเพราะต้องเอาเวลาทำงานทั้งหมดมาดูแลเรื่องนี้ทั้งนี้ได้มีผู้สื่อข่าวได้ถามอีกว่าถึงตอนนี้นายกยังยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่ “ลาออกตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม นายประยุทธ์ได้ถามกลับว่าเรื่องอะไร” ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าหนึ่งในข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎรคือให้นายกลาออก

นอกจากนี้นายประยุทธืได้ตอบว่าเหรอไม่ออกอ่ะนายกยังตัดเพ้อสื่อมวลชนที่ไม่นำเสนอสิ่งที่รัฐบาลเขาทำเพื่อประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก่อนนายประยุทธ์จะย้อนถามว่าผมทำอะไรผิดหรือๆ

เนื่องจากนี้ยังได้มีอีกว่าเป็นข้อความสั้นๆว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร นายประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีต่อผู้สื่อข่าวว่าจะเกิดการรัฐประหารว่าพูดอยู่ได้ซ้ำซากปฏิวัติรัฐประหารพูดอยู่นั่นแหละและผมก็ยังไม่คิดถึงตรงนั้นใครจะทำก็ไปหามาสิ

เพราะฉะนั้นแล้วยังมีสื่อนักข่าวของสายข่าวธรรมเนียบโฆษกประจำกองทัพบกวาสนานา ด้วงก็ได้โพสเรื่องนี้เมื่อ32นาทีที่แล้วบอกว่านายประยุทธ์ไม่สนข้อเสนอของม็อบไม่ยอมลาออก

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  letou

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa