จับชายป่วยจิต ที่มาป้ายน้ำลายภายในสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 เดือนมีนาคมปี 2020 วิธีรักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีหนึ่งได้มีการนำคลิปวีดีโอไปแจ้งความที่สถานีตำรวจให้ติดตามตัวชายผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นตัวกลางในการเผยแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าเนื่องจากว่ามีการจับภาพได้จากกล้องวงจรปิดผู้ชายคนดังกล่าวได้เดินเข้าไปในลิฟท์ของสถานีรถไฟฟ้า BTS สาขาสนามกีฬาแห่งชาติ
หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้มีการบ้วนน้ำลายและนำไปป้ายตามผนังลิฟต์ หรือตามมุมต่างๆภายในลิฟท์และเมื่อทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในยามที่จะเข้าไปพูดคุยด้วยใช้คนเก่าก็ได้วิ่งหนีหายไป ภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความและตรวจสอบคลิปวีดีโอก็พบว่ากล้องวงจรปิดได้จับภาพหน้าตาใช้คนร้ายได้อย่างชัดเจน
จึงได้ประสานงานติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีซึ่งในวันนี้เองทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานงานแจ้งกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟฟ้า BTS และว่าเจอตัวชายเสื้อดำที่ก่อเหตุที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สาขาสนามกีฬาแห่งชาติได้แล้วด้วยจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าชายคนดังกล่าวให้การปฏิเสธเกี่ยวกับการเข้าไปแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าตามที่ทางเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟฟ้า BTS กล่าวหาโดยต้องให้เหตุผลการกระทำที่ได้ทำภายในลิฟต์นั้น
ว่าเนื่องจากว่ามือของเขาเพื่อนเขาจึงต้องการหาที่เช็ดมือซึ่งไม่รู้จะเช็ดที่ไหนจึงได้เอามือเช็ดไปตามกำแพงของผนังภายในลิฟท์ของรถไฟฟ้าแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะมีการสร้างความเสื่อมเสียให้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือว่าตนเองก็ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่อย่างใดซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการส่งชายคนดังกล่าวไปทำการตรวจสอบที่โรงพยาบาล
เพื่อเช็คว่าใช้ดังกล่าวมีอาการทางจิตหรือไม่เนื่องจากตรวจสอบหลักฐานที่ตัวเบื้องต้นแล้วไม่พบหลักฐานของบัตรผู้ป่วยโรคจิตแต่หากพบว่าชายที่เกิดเหตุมีอาการป่วยทางจิตจริงก็จะส่งตัวไปรักษาต่อไปแต่ถ้าหากว่าทางคุณหมอยืนยันออกมาแล้วว่าใส่เสื้อดำที่ก่อปัญหาที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ไม่ได้มีอาการทางจิตก็จะมีการดำเนินคดีในข้อหาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นแล้วก็สร้างความสกปรกและความเสียหายให้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS
จากกรณีนี้จะเห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่เริ่มเจอสติแตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าและแสดงพฤติกรรมออกมาได้น่ารังเกียจซึ่งหากตรวจสอบออกมาแล้วจะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจริงแสดงว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการตั้งใจที่จะแพร่เชื้อโรคให้กับคนอื่นไปติดตามเขาด้วยซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวเป็นอย่างมากและชายคนนั้นก็ควรจะได้รับการลงโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป